ข้อดีของอาหาร GMOs
ข้อดีของอาหาร GMOs
(วารสาร รีดเดอร์ไดเจสท์ , 2553)
องค์การอนามัยโลกประเมินว่า
โลกจะมีประชากรกว่าเก้าพันล้านคนในปี 2593 หรืออีก 40 ปีข้างหน้าผู้สนับสนุนกล่าวว่า
เราต้องการอาหารจีเอ็มโอสำหรับเลี้ยงผู้คนมากมายขนาดนั้น พวกเขาบอกว่า
พืชจีเอ็มโอให้ผลผลิตได้แม้ในสภาพอากาศรุนแรง เช่น ความแห้งแล้ง
หรืออุณหภูมิสุดขั้ว ขณะลดการแผ้วถางผืนดินที่ต้องปลูก
เทคโนโลยีพันธุกรรมอาจเป็นประโยชน์มหาศาลต่อประเทศกำลังพัฒนาในแอฟริกา คาเลสเซียส
จูมา ผู้อำนวยการโครงการนวัตกรรมการเกษตรในแอฟริกาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าว
ผู้สนับสนันยังกล่าวว่าอาหารจีเอ็มโอสามารถคุ้มครองสุขภาพ
ยกตัวอย่างข้าวสีทองซึ่งเป็นพืชดัดแปลงพันธุกรรมที่ได้รับการทดสอบในสหรัฐฯโดยการผสมผสานข้าวพันธุ์นี้อยู่ที่การขาดวิตามินเออันเป็นสาเหตุหลักของการตาบอดในเด็กซึ่งเป็นภาวะที่ป้องกันได้
ผลกระทบต่อสัตว์
ผู้ที่สนับสนุนระบุว่าพืชจีเอ็มโอเหมาะจะเป็นอาหารสัตว์อย่างยิ่ง
เพราะมีราคาถูกกว่ามาก อันที่จริง มีการประเมินว่าอาหารสัตว์ทั่วโลกประมาณร้อยละ
90 มีพืชจีเอ็มโอเป็นส่วนประกอบ
นอกจากนี้ในอนาคตยังอาจมีการนำเทคโนโลยีพันธุกรรมมาใช้กับสัตว์ให้สามารถต้านทานโรคทั่วไปได้มากขึ้น
รวมถึงสัตว์ที่เราบริโภคด้วย
ดีต่อสิ่งแวดล้อมกว่าไหม
พืชจีเอ็มโอสามารถสร้างให้ทนยาปราบศัตรูพืชหมายความว่าชาวไร่ชาวนาสามารถพ่นสารเคมีกำจัดวัชพืชในบริเวณใกล้เคียงโดยไม่ทำอันตรายพืชที่ปลูก
การปลูกพืชจีเอ็มโอยังช่วยประหยัดเวลาเนื่องจากชาวไร่สามารถพ่นยาเป็นบริเวณกว้างทั่วแปลง
พืชดัดแปลงพันธุกรรมบางชนิด
เช่นข้าวโพด บีทีมียีนสำหรับสร้างสารฆ่าแมลงตามธรรมชาติ เชื้อบาซิลลัส
ทูริงเยนซิส(บีที) เป็นแบคทีเรียที่ฆ่าตัวอ่อนแมลง
ยีนบีทีจะถูกสกัดออกมาในห้องปฏิบัติการ แล้วนำไปถ่ายทอดเข้าสู่ข้าวโพด
ทำให้ข้าวโพดมีสารไล่แมลงตามธรมชาติ ผู้สนับสนุนกล่าวว่าวิธีนี้ไม่มีผลกระทบใดๆต่อต้นข้าวโพดและชาวไร่เองก็ไม่จำเป็นต้องพ่นยาฆ่าแมลงให้ข้าวโพด
อนาคตของการทำการเกษตรกรรม
เกษตรกรเก้าในสิบคนซึ่งปัจจุบันปลูกพืชจีเอ็มโอ
อาศัยอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ผู้สนับสนุนให้เหตุผลว่า
ผลผลิตของเกษตรกรและกำไรที่เพิ่มขึ้นจะทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้าสู่ชุมชนทั้งชุมชน
สร้างงานใหม่ๆ และให้โอกาสทางการศึกษา
ในไทย หลายหน่วยงาน เช่น กรมวิชาการเกษตร
ต้องการผลักดันให้ทดลองปลูกและพัฒนาพืชจีเอ็มโอ “เพื่อช่วยเกษตรกรลดการใช้สารเคมีอันตรายโดยจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อพืชหลายชนิดที่มีปัญหาในการเพาะปลูก
ซึ่งไม่สามารถใช้วิธีเดิมๆในการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ดร. บุญญานาถ นาถวงษ์ นักวิชาการไบโอเทค กล่าว “พืชจีเอ็มโอทุกชนิดต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบความปลอดภัยแล้ว
ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ”
ผลกระทบต่อมนุษย์
ลีเดียบุชต์มันน์แห่งสำนักงานมาตรฐานอาหารออสเตรเลียนิวซีแลนด์
อ้างว่า ทวีปอเมริกาเหนือบริโภคอาหารจีเอ็มโอในปริมาณมากกว่า10ปีโดยไม่มีผลเสีย
ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดคาโนลา และถั่วเหลืองในสหรัฐฯเกือบทั้งหมดเป็นพืชจีเอ็มโอ
คริส ลีเวอร์
ศาสตร์ตราจารย์กิตติคุณด้านพฤกษศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด กล่าวว่า
การทดสอบอาหารจีเอ็มโอเข้มงวดกว่าการทดสอบอาหารชนิดอื่น
และโอกาสที่สารก่อภูมิแพ้จะเข้าสู่ห่วงอาหาร “มีน้อยมากจนเหลือศูนย์”
เขาเสริมว่า
ผู้ป่วยด้วยโรคซีลีแอกและโรคภูมิแพ้ต่างๆอาจได้ประโยชน์จากการพัฒนาในปัจจุบัน
ตัวอย่างเช่น ถั่วไร้สารก่อภูมิแพ้
อาหารจีเอ็มโอระบุบนฉลากชันเจนพอหรือยัง
กระทรวงสาธารณสุขไทยกำหนดให้ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
ข้าวโพด
และผลิตภัณฑ์จากข้าวโพดที่ได้จากเทคนิคการดัดแปลงพันธุกรรมหรือพันธุวิศวกรรมที่มีสารพันธุกรรมหรือโปรตีนที่มีผลจากการดัดแปลงพันธุกรรมนั้นอยู่ตั้งแต่ร้อยละห้าของแต่ละส่วนประกอบที่เป็นส่วนประกอบหลักสามอันดับแรกและแต่ละส่วนประกอบดังกล่าวนั้นมีปริมาณตั้งแต่ร้อยละห้าของน้ำหนักผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าที่ต้องแสดงฉลาก
(มธุรา สิริจันทรัตน์, ที่มา :http://digital.lib.kmutt.ac.th/magazine/issue4/articles/article2.html)
ประโยชน์ต่อเกษตรกร
1. ทำให้เกิดพืชสายพันธุ์ใหม่ที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม เช่น ทนต่อศัตรูพืช หรือมีความสามารถในการป้องกันตนเองจากศัตรูพืช เช่น เชื้อไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย แมลงศัตรูพืช หรือแม้แต่ยาฆ่าแมลง และยาปราบวัชพืช หรือในบางกรณีอาจเป็นพืชที่ทนแล้ง ทนดินเค็ม ดินเปรี้ยว คุณสมบัติเช่นนี้เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร เราเรียกลักษณะเช่นนี้ว่าเป็น agronomic traits
1. ทำให้เกิดพืชสายพันธุ์ใหม่ที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม เช่น ทนต่อศัตรูพืช หรือมีความสามารถในการป้องกันตนเองจากศัตรูพืช เช่น เชื้อไวรัส เชื้อรา แบคทีเรีย แมลงศัตรูพืช หรือแม้แต่ยาฆ่าแมลง และยาปราบวัชพืช หรือในบางกรณีอาจเป็นพืชที่ทนแล้ง ทนดินเค็ม ดินเปรี้ยว คุณสมบัติเช่นนี้เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร เราเรียกลักษณะเช่นนี้ว่าเป็น agronomic traits
2. ทำให้เกิดพืชสายพันธุ์ใหม่ที่มีคุณสมบัติเหมาะแก่การเก็บรักษาเป็นเวลานาน
ทำให้สามารถอยู่ได้นานวัน และขนส่งได้เป็นระยะทางไกลโดยไม่เน่าเสีย เช่น
มะเขือเทศที่สุกช้า หรือแม้จะสุกแต่ก็ไม่งอม เนื้อยังแข็งและกรอบ
ไม่งอมหรือเละเมื่อไปถึงมือผู้บริโภค ลักษณะนี้ก็ถือว่าเป็น agronomic
traits เช่นเดียวกัน เพราะให้ประโยชน์แก่เกษตรกรและผู้จำหน่ายสินค้า
GMOs ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้อยู่ในจำพวก ข้อ 1
หรือข้อ 2 ที่กล่าวมานี้
ประโยชน์ต่อผู้บริโภค
3.ทำให้เกิดธัญพืช ผัก หรือผลไม้ที่มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นในทางโภชนาการ เช่น ส้มหรือมะนาวที่มีวิตามินซีเพิ่มมากขึ้น หรือผลไม้ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ให้ผลมากกว่าเดิม ลักษณะเหล่านี้เป็นการเพิ่มคุณค่าเชิงคุณภาพ (quality traits)
3.ทำให้เกิดธัญพืช ผัก หรือผลไม้ที่มีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นในทางโภชนาการ เช่น ส้มหรือมะนาวที่มีวิตามินซีเพิ่มมากขึ้น หรือผลไม้ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ให้ผลมากกว่าเดิม ลักษณะเหล่านี้เป็นการเพิ่มคุณค่าเชิงคุณภาพ (quality traits)
4. ทำให้เกิดพันธุ์พืชใหม่ๆ ที่มีคุณค่าในเชิงพาณิชย์ เช่น
ดอกไม้หรือพืชจำพวกไม้ประดับสายพันธุ์ใหม่ที่มีรูปร่างแปลกกว่าเดิม
ขนาดใหญ่กว่าเดิม สีสันแปลกไปจากเดิม หรือมีความคงทนกว่าเดิม ซึ่งถือว่าเป็น quality
traits เช่นกัน
GMOs ที่มีลักษณะที่กล่าวมาในข้อ 3 และข้อ 4 นี้ในบางประเทศเช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นเริ่มมีจำหน่ายเป็นสินค้าแล้ว
และคาดว่าจะมีความแพร่หลายมากขึ้นในช่วงหลายปีต่อจากนี้ ทั้งหมดที่กล่าวมาตั้งแต่ข้อ
1-4 นี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นการลัดขั้นตอนของการผสมพันธุ์พืช
ซึ่งในหลายกรณีหากช่วงชีวิตของพืชยาว ทำให้ต้องกินเวลานานกว่าจะได้ผลเนื่องจากต้องมีการคัดเลือกหลายครั้ง
การทำ GMOs ทำให้ขั้นตอนนี้เร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นกว่าเดิมมาก
ประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม
5. คุณสมบัติของพืชที่ทำให้ลดการใช้สารเคมี และช่วยให้ได้พืชผลมากขึ้นกว่าเดิมมีผลทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง วัตถุดิบที่มาจากภาคเกษตร เช่น กากถั่วเหลือง อาหารสัตว์จึงมีราคาถูกลง ทำให้เพิ่มอำนาจในการแข่งขัน
5. คุณสมบัติของพืชที่ทำให้ลดการใช้สารเคมี และช่วยให้ได้พืชผลมากขึ้นกว่าเดิมมีผลทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง วัตถุดิบที่มาจากภาคเกษตร เช่น กากถั่วเหลือง อาหารสัตว์จึงมีราคาถูกลง ทำให้เพิ่มอำนาจในการแข่งขัน
6. นอกจากพืชแล้ว ยังมี GMOs หลายชนิดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ในอุตสาหกรรมอาหาร
เช่น เอ็นไซม์ที่ใช้ ในการผลิตน้ำผักและน้ำผลไม้ หรือเอ็นไซม์ไคโมซิน ที่ใช้ในการผลิตเนยแข็งแทบทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก
GMOs และมีมาเป็นเวลานานแล้ว
7. การผลิตวัคซีนหรือยาชนิดอื่นๆ ในอุตสาหกรรมยาปัจจุบันนี้ล้วนแล้วแต่ใช้ GMOs
แทบทั้งสิ้น
อีกไม่นานนี้เราอาจมีน้ำนมวัวที่มีส่วนประกอบของยาหรือฮอร์โมนที่จำเป็นต่อมนุษย์
ซึ่งผลิตจาก GMOs ลักษณะที่กล่าวถึง ตั้งแต่ข้อ 5-7ล้วนมีส่วนทำให้ลดต้นทุนการผลิตและเวลาที่ต้องใช้ลงทั้งสิ้น
ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม
8. ประโยชน์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมคือ เมื่อพืชมีคุณสมบัติสามารถป้องกันศัตรูพืชได้เอง อัตราการใช้สารเคมีเพื่อปราบศัตรูพืชก็จะลดน้อยลงจนถึงไม่ต้องใช้เลย ทำให้มีลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการใช้สารเคมีปราบศัตรูพืช และลดอันตรายต่อเกษตรกรเองที่เกิดขึ้นจากพิษของการฉีดสารเหล่านั้นในปริมาณมาก (ยกเว้นบางกรณีเช่น พืชที่ต้านทานยาปราบวัชพืชที่อาจมีโอกาสทำให้เกิดแนวโน้มในการใช้สารปราบวัชพืชของบางบริษัทมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่)
8. ประโยชน์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมคือ เมื่อพืชมีคุณสมบัติสามารถป้องกันศัตรูพืชได้เอง อัตราการใช้สารเคมีเพื่อปราบศัตรูพืชก็จะลดน้อยลงจนถึงไม่ต้องใช้เลย ทำให้มีลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการใช้สารเคมีปราบศัตรูพืช และลดอันตรายต่อเกษตรกรเองที่เกิดขึ้นจากพิษของการฉีดสารเหล่านั้นในปริมาณมาก (ยกเว้นบางกรณีเช่น พืชที่ต้านทานยาปราบวัชพืชที่อาจมีโอกาสทำให้เกิดแนวโน้มในการใช้สารปราบวัชพืชของบางบริษัทมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่)
9. หากยอมรับว่าการปรับปรุงพันธุ์ และการคัดเลือกพันธุ์พืชเป็นการเพิ่มความหลากหลายของสายพันธุ์ให้มากขึ้นแล้ว
การพัฒนา GMOs ก็ย่อมมีผลทำให้เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพขึ้นเช่นกัน
เนื่องจากยีนที่มีคุณสมบัติเด่นได้รับการคัดเลือกให้มีโอกาสแสดงออกได้ในสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์มากขึ้น
(กัณฑรีย์
ศรีพงศ์พันธุ์. "การตัดแต่งทางพันธุกรรม :
ชี้ประเด็น GMOs" วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร.
19-20(2) : 24-37; 2543.)
ข้อดีของอาหาร GMOs ในประเทศกำลังพัฒนา มีรายงานว่า GMOs บางชนิดสามารถต้านทานต่อโรคและแมลงได้ดีขึ้น
เช่น มันฝรั่งที่ดัดแปลงพันธุกรรมให้ต้านทานต่อแบคทีเรียและรา
รวมทั้งข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกเปลี่ยนแปลงยีนกับยีนของถั่วเหลือง
ซึ่งทำให้สามารถทนทานต่อปรสิตได้ดีกว่าข้าวพันธุ์เดิม (DeGregori, T.R.,ที่มา : http://www.biotechknowledge.com/snowlib_us.php3?2769)
ปัญหาการขาดธาตุเหล็กที่ทำให้สตรีในประเทศกำลังพัฒนาเป็นโรค
anemia อาจลดลงได้โดยการเสริมธาตุเหล็กเข้าไปในพืชผลที่เราปลูกโดยอาศัยวิธีการทางพันธุวิศวกรรม
นอกจากนี้ ข้าวที่มีการเพิ่มวิตามินเอจะช่วยป้องกันเด็กๆจากโรคตาบอด (The
Rockefeller Foundation, 1999) นอกไปจากที่พบการขาดวิตามินเอทำให้ร่างกายต้านทานต่อโรคต่างๆได้น้อยลง
เช่น โรคหัด โรคท้องร่วง เป็นต้น (Abelson, P.H. and P.J. Hines, 1999) และยังสัมพันธ์อย่างยิ่งกับการติดเชื้อของเด็ก (James, C. and A.
Krattiger, 1999)
การผลิตพืชที่ทนต่อความเค็มโดยอาศัยวิธีการทางพันธุวิศวกรรม
จะช่วยให้สามารถนำดินเค็มไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรได้
และลดการใช้พื้นที่ที่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ต้นไม้ใหญ่ และพืชอื่นๆ (Apse, M.P. และคณะ,
1999) นอกจากนี้ยาสูบที่มีการใส่ยีนที่สร้าง citric acid เข้าไปทำให้สามารถปล่อยสารดังกล่าวออกมาจากราก
จึงสามารถเจริญในดินที่เป็นด่างได้ และสามารถให้ผลผลิตเท่าเดิมโดยใช้ปุ๋ยน้อยลง
อีกทั้งยังมีการดำเนินการศึกษาทำนองเดียวกันนี้กับข้าวและข้าวโพด
โดยที่จากการศึกษาเบื้องต้นคาดว่าน่าจะได้ผลดีเช่นกัน (Holmes, B., 1999) หรืออีกตัวอย่างที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือ
การสร้างยีนและเอนไซม์ที่ช่วยให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ในดินที่มีโลหะมาก
อันจะเป็นการช่วยลดผลกระทบที่เนื่องมาจากการปนเปื้อนของโลหะหนักต่อพืชอื่นๆได้ด้วย
(Moffat, A.S., 1999)
การได้รับสารพิษจาก B.t. โดยทางผิวหนัง หรือการหายใจเข้าไปก็คาดว่าน่าจะเกิดได้น้อยสำหรับกรณีของพืชตัดแต่งพันธุกรรมจากยีนของ
B.t. (the plant-pesticides)
เพราะว่าสารดังกล่าวจะอยู่ภายในเซลล์พืช
อีกทั้งมีการกล่าวถึงใน
Scientific American Explore
: Poison Plants (1999) ว่าพืชที่ต้านทานสารฆ่าวัชพืช Roundup®จะทำให้สามารถลดจำนวนครั้งที่ต้องกำจัดวัชพืชลง และไม่ต้องขุดดินบ่อย
ทำให้ช่วยรักษาความชื้นในดินและลดการสึกกร่อนของดินชั้นบนที่มีประโยชน์
นอกจากนี้ผลการวิจัยพบว่า
genetically altered
Burkholderia (Pseudomonas) cepacia G4 และ PR1301ช่วยให้สาร trichloroethyleneใน aquifer
microcosms ถูกย่อยสลายได้เพิ่มขึ้น (Munakata-Marr และคณะ, 1996)
(Rippและคณะ,
2000) ซึ่งได้ทำการวิจัยและพบว่าจุลินทรีย์Pseudomonas
fluorescens HK อันเกิดจากเทคนิคทางพันธุวิศวกรรม และมี lux
gene อยู่ด้วย สามารถทำให้เกิด bioluminescence ในดินที่มี bioavailability ของสารปนเปื้อนประเภทpolyaromatic
hydrocarbon (เช่น naphthalene เป็นต้น)
และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการเฝ้าระวังและควบคุมกระบวนการย่อยสลายทางชีววิทยาของสารดังกล่าวในดินด้วย
ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันก็มีรายงานว่า
genetically modified Vibrio harveyl strains มีแนวโน้มที่จะเป็นสิ่งมีชีวิตบ่งชี้
mutagenic pollution ในทะเลได้แม้ที่ระดับความเข้มข้นต่ำๆ
ซึ่งความไวของการทดสอบจะได้ผลดีหรือไม่น้อยกว่าการทดสอบด้วยวิธี Ames test ที่ใช้อยู่เดิม อีกทั้ง V. harveylเป็นnonpathogenic
bacterium จึงปลอดภัยที่จะนำมาใช้(Czyz, A. และคณะ,
2000)
นอกจากนี้ยังมีรายงานที่น่าสนใจว่า
Tg.AC
transgenic mouse และ the p53-deficient mouse สามารถช่วยให้ตรวจสอบมะเร็งส่วนใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว (กล่าวคือใช้เวลาเพียง
¼ ของการตรวจสอบแบบเดิมๆ) ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายน้อยลง
(กล่าวคือ เสียค่าใช้จ่ายเพียงประมาณ 1/10
ของการตรวจสอบแบบเดิม) และยังใช้จำนวนสัตว์ทดลองเพียง¼ ของจำนวนสัตว์ทดลองที่ใช้สำหรับการตรวจในแบบเดิม
(Environmental Science and Technology, 1998)
0 ความคิดเห็น: