ความหมายของ GMOs
ความหมายของ GMOs
(Karl
Weber , 2555) เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม(GMOs) คือ การเปลี่ยนหรือทำลายพิมพ์เขียวทางพันธุวิศวกรรมของสิ่งมีชีวิต
เช่น พืช ไม้ยืนต้น สัตว์น้ำ สัตว์บก มนุษย์และจุลินทรีย์
เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปประยุกต์ใช้โดยบรรษัท “วิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิต” ข้ามชาติ อย่างเช่น มอนซานโต้และอเวนติส
ซึ่งจดสิทธิบัตรพิมพ์เขียวเหล่านี้และขายอาหารเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม เมล็ดพันธุ์
หรือผลิตภัณฑ์อื่นแลกกับผลกำไร
บรรษัทวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตอ้าวว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของบรรษัทจะทำให้การเกษตรคงอยู่อย่างยั่งยืน
กำจัดความหิวของโลก รักษาโรคภัยไข้เจ็บ
และปรับปรุงการสาธารณสุขให้ดีขึ้นอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม
นักพันธุวิศวกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดเจนในการดำเนินธุรกิจและการวิ่งเต้นทางการเมืองว่าพวกเขาตั้งใจจะใช้พันธุวิศวกรรมผูกขาดเมล็ดพันธุ์
อาหาร เส้นใย และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ของโลก
พันธุวิศวกรรมเป็นเทคโลยีใหม่ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
และยังคงอยู่ในขั้นต้นของการทดลองพัฒนา
มันมีอำนาจทำลายสิ่งกีดขวางทางพันธุกรรมทางธรรมชาติ
ไม่ใช่สิ่งกีดขวางระหว่างสปีชีส์เท่านั้น
แต่หมายรวมถึงสิ่งกีดกั้นระหว่างมนุษย์กับสัตว์ และพืชด้วย การสุ่มใส่ยีนของสปีชีส์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเข้าไว้ด้วยกัน
(เช่น การใช้ไวรัส การใช้ยีนต้านทานยาปฏิชีวนะ หรือใช้แบคทีเรีย เช่น
แบคทีเรียที่เป็นตัวนำโรค ตัวบ่งชี้ หรือตัวกระตุ้นฤทธิ์ทางเคมี)
จะเปลี่ยนรหัสพันธุกรรมไปอย่างถาวร จุลินทรีย์ถูกดัดแปลงยีนที่ถูกสร้างขึ้น
จะส่งต่อการเปลี่ยนแปลงทางพันธุวิศวกรรมนี้ไปสู่ลูกหลานโดยผ่านทางกรรมพันธุ์
เวลานี้นักพันธุวิศวกรรมทั่วโลกกำลังตัด ติด ประกอบใหม่ เรียงใหม่ แก้ไข
และกำหนดสารพันธุกรรมให้เป็นไปตามแบบแผนที่วางไว้
ยีนของสัตว์หรือแม้แต่ยีนของมนุษย์ถูกสุ่มติดเข้าในโครโมโซมของพืช
ปลา และสัตว์
และจนถึงขณะนี้ได้ให้กำเนิดรูปแบบชีวิตซึ่งเกิดจากการตัดต่อพันธุกรรมที่ไม่สามารถจิตนาการได้
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่บรรษัทเทคโนโลยีชีวภาพข้ามชาติกำลังกลายเป็นนักออกแบบและเป็น “เจ้าของ” ชีวิต
เมื่อข้อบังคับควบคุม
ข้อการกำหนดให้ติดฉลาก หรือข้อตกลงทางวิทยาศาสตร์มีอยู่เพียงน้อยนิดหรือไม่มีเลย
นักพันธุวิศวกรรมจึงเริ่มสร้าง “อาหารผีดิบ” และพืชผลดัดแปรพันธุกรรมใหม่ๆ
หลายร้อยชนิดงานวิจัยที่ทำก็แทบไม่คำนึงถึงอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
ตลอดจนผลกระทบด้านสังคม-เศรษฐกิจในทางลบต่อเกษตรกรและชาวบ้านในชนบทหลายพันล้านคน
มีนักวิทยาศาสตร์มากขึ้นเรื่อยๆ
เตือนว่าเทคนิคการต่อยีนในปัจจุบันนั้นทั้งหยาบไม่มีความแม่นยำ และคาดเดาผลไม่ได้
ฉะนั้นจึงมีอันตรายในตัวของมันเอง กระนั้น
รัฐบาลและองค์กรที่มีอำนาจควบคุมที่สนับสนุนเทคโนโลยีชีวภาพซึ่งนำโดยสหรัฐยังคงยืนยันว่าพืชผลและอาหารดัดแปรพันธุกรรม
“เหมือนกันอย่างยิ่ง” กับอาการธรรมดาทั่วไป
ดังนั้นจึงไม่ต้องติดฉลากตามคำสั่งควบคุมหรือทดสอบความปลอดภัยก่อนนำออกสู่ตลาด
โลกใหม่แห่งความหวังของอาหารผีดิบนี้น่ากลัวมาก
ปัจจุบันมีการปลูกหรือขายพืชพันธุกรรมกว่า 50 ชนิดในสหรัฐ
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกกระจายไปในห่วงโซ่อาหารและสิ่งแวดล้อมอย่างแพร่หลาย
ทุกวันนี้ในสหรัฐมีการปลูกพืชดัดแปรพันธุกรรมบนพื้นที่มากกว่า 80 ล้านเอเคอร์ และมีวัวนมมากถึง 750,000
ตัวถูกฉีดฮอร์โมน rBGH (recombinant bovine growth
hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนลูกผสมเร่งโตของมอนซานโต้เป็นประจำ
อาหารแปรรูปส่วนมากในซูเปอร์มาร์เก็ตเวลานี้
“ผ่านการทดสอบเป็นบวก” ว่ามีส่วนผสมดัดแปรพันธุกรรม
นอกจากนี้
ยังมีพืชผลดัดแปรพันธุกรรมอีกหลายสิบชนิดอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการพัฒนา
และอีกไม่นานจะถูกปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมและขายในตลาด “อาหารที่ซ่อนเร้น”
อยู่ในส่วนประกอบอาหารและอาหารดัดแปรพันธุกรรมที่ไม่ติดฉลากเหล่านี้ในสหรัฐได้แก่
ถั่วเหลือง น้ำมันถั่วเหลือง ข้าวโพด มันฝรั่ง พืชจำพวกแตง น้ำมันคาโนลา
น้ำมันเมล็ดฝ้าย มะละกอ มะเขือเทศ และผลิตภัณฑ์นม
อาหารดัดแปรพันธุกรรมและผลิตภัณฑ์เส้นใยเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้และมีอันตรายต่อมนุษย์
สัตว์ สิ่งแวดล้อม และต่ออนาคตวิถีเกษตรอินทรีย์ที่ยั่งยืน ดังที่ ดร.ไมเคิล อันโตนิโอ นักวิทยาศาสตร์โมเลกุลชาวอังกฤษชี้ให้เห็นว่า
การต่อยีนส่งผลแล้วคือ ได้ “ก่อให้เกิดสารเป็นพิษที่คาดไม่ถึง…
ในแบคทีเรีย ยีสต์ พืช
และสัตว์ที่ถูกทำพันธุวิศวกรรมและมีปัญหาที่ยังตรวจไม่พบจนกว่าอันตรายใหญ่หลวงต่อสุขภาพจะเผยตนออกมา”
อันตรายจากพืชผลและอาหารดัดแปรพันธุกรรมแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ อันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
และอันตรายต่อสังคม-เศรษฐกิจ เมื่อมองโดยสรุป
จะเห็นว่าอันตรายของผลิตภัณฑ์ดัดแปรพันธุกรรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและสามารถเกิดขึ้นได้เป็นข้อโต้แย้งที่ทำให้เชื่อว่าเหตุใดเราจึงต้องหยุดอาหารและพืชผลดัดแปรพันธุกรรมทั่วโลกทั้งหมดเอาไว้ชั่วคราว
(มธุรา สิริจันทรัตน์, ที่มา :http://digital.lib.kmutt.ac.th/magazine/issue4/articles/article2.html)
GMOs คือผลผลิตจากความก้าวหน้าของวิทยาการทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพและชีววิทยาระดับโมเลกุล
(molecular biology) โดยเฉพาะพันธุวิศวกรรมศาสตร์
ที่ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วจนถึงระดับสูงมาก
สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้นักวิทยาศาสตร์และสถาบันวิจัยทั่วโลก
ทุ่มเทพลังความคิดและทุนวิจัยจำนวนมหาศาลเพื่อศาสตร์นี้ คือ
ความมุ่งหมายที่จะพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรโลก ทั้งทางด้านโภชนาการ
การแพทย์ และสาธารณสุข
ความสำเร็จแห่งการพัฒนาศาสตร์ดังกล่าว
มีรูปธรรมคือการยกระดับคุณภาพอาหาร ยา และเทคโนโลยีทางการแพทย์
ดังที่เราได้รับผลประโยชน์อยู่ทุกวันนี้ และในภาวะที่จำนวนประชากรโลกเพิ่ม
มากขึ้นทุกวัน ในขณะที่พื้นที่การผลิตลดลง พันธุวิศวกรรมเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดอันหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารและยาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
เนื่องจากประสิทธิภาพของพันธุวิศวกรรมเป็นที่ยอมรับว่าสามารถช่วยเพิ่มอัตราผลผลิตต่อพื้นที่สูงขึ้นมากกว่าการผลิตในรูปแบบดั้งเดิม
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การเกษตรในสหรัฐอเมริกา
และด้วยการที่พันธุวิศวกรรมสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตได้ดังกล่าว
จึงมีการกล่าวกันว่าพันธุวิศวกรรมคือการปฏิวัติครั้งใหญ่ในด้านการเกษตร
และการแพทย์ ที่เรียกว่าgenomic
revolution
(กัณฑรีย์
ศรีพงศ์พันธุ์ , 2543)
GMOs (Genetically modified organisms) หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่ได้จากการตัดแต่งหรือดัดแปลงพันธุกรรมด้วยวิธีการทางพันธุวิศวกรรม
(genetic engineering) โดยการคัดเลือกลักษณะที่ต้องการบนยีน (gene)จากสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง
แล้วทำการใส่ยีนนั้นเข้าไปในสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน หรือต่างชนิดกัน
เพื่อให้สิ่งมีชีวิตนั้นมีลักษณะตามต้องการ
หรือเพื่อให้ได้สัตว์หรือพืชชนิดใหม่ที่มีลักษณะตามต้องการ ซึ่งเรียกว่า transgenic
animals หรือ transgenic plants โดยทั่วไปแล้ว
DNAของสิ่งมีชีวิตที่นิยมนำยีนที่มีลักษณะที่น่าสนใจมาใส่เข้าไปมักได้แก่
DNA ของแบคทีเรีย
และเมื่อแบคทีเรียนี้เจริญเติบโตก็จะสร้างยีนที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น
ต่อมาจึงนำไปใส่ในสิ่งมีชีวิตที่ต้องการปรับปรุงลักษณะ
ก็จะได้สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะตามต้องการจากการตัดแต่งพันธุกรรมที่เรียกว่า GMOs
ตัวอย่างของ GMOs
ในที่นี้จะขอจำแนกตัวอย่างของ GMOs ออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
1. กลุ่มที่ต้านทานโรคและแมลง ตัวอย่างในกลุ่มนี้ เช่น
1.1ข้าวโพดชนิดที่เรียกว่า Bacillus thuringiensis (B.t.)-modified
corn หรือมีชื่อทางการค้าว่า YieldGard® insect
protected corn ซึ่งตัดแต่งใส่ยีนที่มีความสามารถป้องกันข้าวโพดจาก European
corn borer และศัตรูพืชอื่นๆในกลุ่มที่ใกล้เคียงกัน
1.2 ฝ้ายที่ป้องกันแมลงพวก cotton
ballworms, pink ballwormsและ tobacco budworms ด้วยการตัดแต่งใส่ Bollgard® gene (ซึ่งประกอบด้วย
B.t. gene)(มอนซานโต้ ไทยแลนด์, 2543)
ภาพแสดงB.t.-modified cotton ที่ปลูกในประเทศจีน
1.3 New
Leaf® insect protected potatoes ซึ่งตัดแต่งใส่ยีนที่มีความสามารถป้องกันมันฝรั่งจากแมลงปีกแข็งชนิด
Colorado potato beetle
1.4 ถั่วเหลืองที่ต้านทานศัตรูพืช
1.5 มะละกอที่ต้านทานโรคจุดวงแหวนที่เกิดจากไวรัส
1.6 พืชที่ต้านทานสารฆ่าวัชพืช
เช่น ถั่วเหลือง ฝ้าย ข้าวโพด และ canola ที่มี Roundup®
(glyphosate) Ready gene ทำให้สามารถต้านทานสารฆ่าวัชพืชชนิด Roundup®ได้
2. กลุ่มที่พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตตัวอย่างในกลุ่มนี้ เช่น
2.1 มะเขือเทศที่สุกงอมช้าและมีรสชาติดีขึ้น
2.2 พืชที่มีสารอาหารบางอย่างเพิ่มขึ้น
เช่น ข้าวที่มีวิตามินเอเพิ่มขึ้น (vitamin A-enhanced GM rice), ถั่วเหลืองที่มี oleic acid สูง, กระเทียมที่มี allicinสูง
ซึ่งช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลลง, มันฝรั่งที่มีปริมาณแป้งและโปรตีนเพิ่มขึ้น
2.3 ข้าวที่ลดการผลิตสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคน
2.4 ปศุสัตว์ที่มีการถ่ายฝากยีนเร่งการเจริญเติบโตและยีนต้านทานโรคต่างๆ
2.5 Posilac®bovingsomatotropinซึ่งช่วยให้วัวนมผลิตน้ำนมได้อย่างมีประสิทธิภาพดีขึ้นโดยไม่สูญเสียคุณภาพ
2.6 วัวนมที่สามารถผลิตน้ำนมที่มีโครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีใกล้เคียงกับน้ำนมคน
3. กลุ่มที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
หรือกลุ่มที่ช่วยในการกำจัดสารมลพิษในสิ่งแวดล้อมตัวอย่างในกลุ่มนี้ เช่น
3.1 พืชที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
(เช่น ต่อภาวะแห้งแล้ง ดินเค็ม หรือดินเป็นกรด) ได้ดีขึ้น
3.2 จุลินทรีย์ที่สามารถกำจัดคราบน้ำมันได้
(นฤมล
โกมลเสวิน, ,2544)
คำจำกัดความคำว่า “ดัดแปรพันธุกรรม” GMOs เป็นตัวย่อของคำว่า Genetically Modified
Organisms หมายถึง “สิ่งมีชีวิตที่ได้จากการดัดแปรพันธุกรรมหรือตัดแต่งพันธุพรรม”
หรือยีน โดยใช้เทคนิคทางพันธุวิศวกรรม
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม
ผลที่ได้ คือ สิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลงจากสายพันธุ์เดิม
พืชและสัตว์ที่ได้รับการถ่ายทอดยีนเข้าไป เรียกว่า Transgenic Plant หรือ Transgenic Animal ตัวอย่างของลักษณะใหม่ที่ประกฎได้แก่
ความทนทานต่อโรคของพืชที่เกิดจากไวรัสของพืชที่เกิดจากไวรัสของพืช
หรือเพิ่มความสามรถของพืชบางชนิดให้สร้างสารพิษเพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืช
หรือพืชที่มีการสุกงอมช้าเก็บไว้ได้นาน เป็นต้น
โดยการเปลี่ยนแปลงลักษณะเช่นนี้อาจมีผลกระทบด้านการผลิตหรืออาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม
เนื่องจากเป็นการเคลื่อนย้ายยีนจากสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งไปสู่สิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง
เช่น พืช สัตว์ และจุลินทรีย์ และเมือมีการนำไปปล่อยในสิ่งแวดล้อมทำให้มีผลกระทบต่อความหลลากหลายทางชีวภาพทางชีวภาพ
เพราะเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่น
0 ความคิดเห็น: