ความหมายของ GMOs

12:29:00 Unknown 0 Comments



ความหมายของ GMOs
(Karl Weber , 2555) เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม(GMOs) คือ การเปลี่ยนหรือทำลายพิมพ์เขียวทางพันธุวิศวกรรมของสิ่งมีชีวิต เช่น พืช ไม้ยืนต้น สัตว์น้ำ สัตว์บก มนุษย์และจุลินทรีย์ เทคโนโลยีนี้ถูกนำไปประยุกต์ใช้โดยบรรษัท วิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิต ข้ามชาติ อย่างเช่น มอนซานโต้และอเวนติส ซึ่งจดสิทธิบัตรพิมพ์เขียวเหล่านี้และขายอาหารเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม เมล็ดพันธุ์ หรือผลิตภัณฑ์อื่นแลกกับผลกำไร บรรษัทวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตอ้าวว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของบรรษัทจะทำให้การเกษตรคงอยู่อย่างยั่งยืน กำจัดความหิวของโลก รักษาโรคภัยไข้เจ็บ และปรับปรุงการสาธารณสุขให้ดีขึ้นอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม นักพันธุวิศวกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดเจนในการดำเนินธุรกิจและการวิ่งเต้นทางการเมืองว่าพวกเขาตั้งใจจะใช้พันธุวิศวกรรมผูกขาดเมล็ดพันธุ์ อาหาร เส้นใย และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ของโลก
                พันธุวิศวกรรมเป็นเทคโลยีใหม่ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และยังคงอยู่ในขั้นต้นของการทดลองพัฒนา มันมีอำนาจทำลายสิ่งกีดขวางทางพันธุกรรมทางธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งกีดขวางระหว่างสปีชีส์เท่านั้น แต่หมายรวมถึงสิ่งกีดกั้นระหว่างมนุษย์กับสัตว์ และพืชด้วย การสุ่มใส่ยีนของสปีชีส์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเข้าไว้ด้วยกัน (เช่น การใช้ไวรัส การใช้ยีนต้านทานยาปฏิชีวนะ หรือใช้แบคทีเรีย เช่น แบคทีเรียที่เป็นตัวนำโรค ตัวบ่งชี้ หรือตัวกระตุ้นฤทธิ์ทางเคมี) จะเปลี่ยนรหัสพันธุกรรมไปอย่างถาวร จุลินทรีย์ถูกดัดแปลงยีนที่ถูกสร้างขึ้น จะส่งต่อการเปลี่ยนแปลงทางพันธุวิศวกรรมนี้ไปสู่ลูกหลานโดยผ่านทางกรรมพันธุ์ เวลานี้นักพันธุวิศวกรรมทั่วโลกกำลังตัด ติด ประกอบใหม่ เรียงใหม่ แก้ไข และกำหนดสารพันธุกรรมให้เป็นไปตามแบบแผนที่วางไว้
                ยีนของสัตว์หรือแม้แต่ยีนของมนุษย์ถูกสุ่มติดเข้าในโครโมโซมของพืช ปลา และสัตว์ และจนถึงขณะนี้ได้ให้กำเนิดรูปแบบชีวิตซึ่งเกิดจากการตัดต่อพันธุกรรมที่ไม่สามารถจิตนาการได้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่บรรษัทเทคโนโลยีชีวภาพข้ามชาติกำลังกลายเป็นนักออกแบบและเป็นเจ้าของชีวิต
                เมื่อข้อบังคับควบคุม ข้อการกำหนดให้ติดฉลาก หรือข้อตกลงทางวิทยาศาสตร์มีอยู่เพียงน้อยนิดหรือไม่มีเลย นักพันธุวิศวกรรมจึงเริ่มสร้าง อาหารผีดิบ และพืชผลดัดแปรพันธุกรรมใหม่ๆ หลายร้อยชนิดงานวิจัยที่ทำก็แทบไม่คำนึงถึงอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนผลกระทบด้านสังคม-เศรษฐกิจในทางลบต่อเกษตรกรและชาวบ้านในชนบทหลายพันล้านคน
                มีนักวิทยาศาสตร์มากขึ้นเรื่อยๆ เตือนว่าเทคนิคการต่อยีนในปัจจุบันนั้นทั้งหยาบไม่มีความแม่นยำ และคาดเดาผลไม่ได้ ฉะนั้นจึงมีอันตรายในตัวของมันเอง กระนั้น รัฐบาลและองค์กรที่มีอำนาจควบคุมที่สนับสนุนเทคโนโลยีชีวภาพซึ่งนำโดยสหรัฐยังคงยืนยันว่าพืชผลและอาหารดัดแปรพันธุกรรม เหมือนกันอย่างยิ่งกับอาการธรรมดาทั่วไป ดังนั้นจึงไม่ต้องติดฉลากตามคำสั่งควบคุมหรือทดสอบความปลอดภัยก่อนนำออกสู่ตลาด
                โลกใหม่แห่งความหวังของอาหารผีดิบนี้น่ากลัวมาก ปัจจุบันมีการปลูกหรือขายพืชพันธุกรรมกว่า 50 ชนิดในสหรัฐ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ถูกกระจายไปในห่วงโซ่อาหารและสิ่งแวดล้อมอย่างแพร่หลาย ทุกวันนี้ในสหรัฐมีการปลูกพืชดัดแปรพันธุกรรมบนพื้นที่มากกว่า 80 ล้านเอเคอร์ และมีวัวนมมากถึง 750,000 ตัวถูกฉีดฮอร์โมน rBGH (recombinant bovine growth hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนลูกผสมเร่งโตของมอนซานโต้เป็นประจำ
                อาหารแปรรูปส่วนมากในซูเปอร์มาร์เก็ตเวลานี้ ผ่านการทดสอบเป็นบวกว่ามีส่วนผสมดัดแปรพันธุกรรม นอกจากนี้ ยังมีพืชผลดัดแปรพันธุกรรมอีกหลายสิบชนิดอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการพัฒนา และอีกไม่นานจะถูกปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมและขายในตลาด อาหารที่ซ่อนเร้น อยู่ในส่วนประกอบอาหารและอาหารดัดแปรพันธุกรรมที่ไม่ติดฉลากเหล่านี้ในสหรัฐได้แก่ ถั่วเหลือง น้ำมันถั่วเหลือง ข้าวโพด มันฝรั่ง พืชจำพวกแตง น้ำมันคาโนลา น้ำมันเมล็ดฝ้าย มะละกอ มะเขือเทศ และผลิตภัณฑ์นม
                อาหารดัดแปรพันธุกรรมและผลิตภัณฑ์เส้นใยเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้และมีอันตรายต่อมนุษย์ สัตว์ สิ่งแวดล้อม และต่ออนาคตวิถีเกษตรอินทรีย์ที่ยั่งยืน ดังที่ ดร.ไมเคิล อันโตนิโอ นักวิทยาศาสตร์โมเลกุลชาวอังกฤษชี้ให้เห็นว่า การต่อยีนส่งผลแล้วคือ ได้ ก่อให้เกิดสารเป็นพิษที่คาดไม่ถึงในแบคทีเรีย ยีสต์ พืช และสัตว์ที่ถูกทำพันธุวิศวกรรมและมีปัญหาที่ยังตรวจไม่พบจนกว่าอันตรายใหญ่หลวงต่อสุขภาพจะเผยตนออกมาอันตรายจากพืชผลและอาหารดัดแปรพันธุกรรมแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ อันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และอันตรายต่อสังคม-เศรษฐกิจ เมื่อมองโดยสรุป จะเห็นว่าอันตรายของผลิตภัณฑ์ดัดแปรพันธุกรรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและสามารถเกิดขึ้นได้เป็นข้อโต้แย้งที่ทำให้เชื่อว่าเหตุใดเราจึงต้องหยุดอาหารและพืชผลดัดแปรพันธุกรรมทั่วโลกทั้งหมดเอาไว้ชั่วคราว


(มธุรา สิริจันทรัตน์, ที่มา :http://digital.lib.kmutt.ac.th/magazine/issue4/articles/article2.html)
GMOs คือผลผลิตจากความก้าวหน้าของวิทยาการทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพและชีววิทยาระดับโมเลกุล (molecular biology) โดยเฉพาะพันธุวิศวกรรมศาสตร์ ที่ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วจนถึงระดับสูงมาก สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้นักวิทยาศาสตร์และสถาบันวิจัยทั่วโลก ทุ่มเทพลังความคิดและทุนวิจัยจำนวนมหาศาลเพื่อศาสตร์นี้ คือ ความมุ่งหมายที่จะพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรโลก ทั้งทางด้านโภชนาการ การแพทย์ และสาธารณสุข
                ความสำเร็จแห่งการพัฒนาศาสตร์ดังกล่าว มีรูปธรรมคือการยกระดับคุณภาพอาหาร ยา และเทคโนโลยีทางการแพทย์ ดังที่เราได้รับผลประโยชน์อยู่ทุกวันนี้ และในภาวะที่จำนวนประชากรโลกเพิ่ม มากขึ้นทุกวัน ในขณะที่พื้นที่การผลิตลดลง พันธุวิศวกรรมเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดอันหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารและยาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากประสิทธิภาพของพันธุวิศวกรรมเป็นที่ยอมรับว่าสามารถช่วยเพิ่มอัตราผลผลิตต่อพื้นที่สูงขึ้นมากกว่าการผลิตในรูปแบบดั้งเดิม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การเกษตรในสหรัฐอเมริกา และด้วยการที่พันธุวิศวกรรมสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตได้ดังกล่าว จึงมีการกล่าวกันว่าพันธุวิศวกรรมคือการปฏิวัติครั้งใหญ่ในด้านการเกษตร และการแพทย์ ที่เรียกว่าgenomic revolution

(กัณฑรีย์ ศรีพงศ์พันธุ์ , 2543)
GMOs (Genetically modified organisms) หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่ได้จากการตัดแต่งหรือดัดแปลงพันธุกรรมด้วยวิธีการทางพันธุวิศวกรรม (genetic engineering) โดยการคัดเลือกลักษณะที่ต้องการบนยีน (gene)จากสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง แล้วทำการใส่ยีนนั้นเข้าไปในสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน หรือต่างชนิดกัน เพื่อให้สิ่งมีชีวิตนั้นมีลักษณะตามต้องการ หรือเพื่อให้ได้สัตว์หรือพืชชนิดใหม่ที่มีลักษณะตามต้องการ ซึ่งเรียกว่า transgenic animals หรือ transgenic plants โดยทั่วไปแล้ว DNAของสิ่งมีชีวิตที่นิยมนำยีนที่มีลักษณะที่น่าสนใจมาใส่เข้าไปมักได้แก่ DNA ของแบคทีเรีย และเมื่อแบคทีเรียนี้เจริญเติบโตก็จะสร้างยีนที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น ต่อมาจึงนำไปใส่ในสิ่งมีชีวิตที่ต้องการปรับปรุงลักษณะ ก็จะได้สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะตามต้องการจากการตัดแต่งพันธุกรรมที่เรียกว่า GMOs
ตัวอย่างของ GMOs
                ในที่นี้จะขอจำแนกตัวอย่างของ GMOs ออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
1. กลุ่มที่ต้านทานโรคและแมลง ตัวอย่างในกลุ่มนี้ เช่น
                1.1ข้าวโพดชนิดที่เรียกว่า Bacillus thuringiensis (B.t.)-modified corn หรือมีชื่อทางการค้าว่า YieldGard® insect protected corn ซึ่งตัดแต่งใส่ยีนที่มีความสามารถป้องกันข้าวโพดจาก European corn borer และศัตรูพืชอื่นๆในกลุ่มที่ใกล้เคียงกัน
                1.2 ฝ้ายที่ป้องกันแมลงพวก cotton ballworms, pink ballwormsและ tobacco budworms ด้วยการตัดแต่งใส่ Bollgard® gene (ซึ่งประกอบด้วย B.t. gene)(มอนซานโต้ ไทยแลนด์, 2543)
     

ภาพแสดงB.t.-modified cotton ที่ปลูกในประเทศจีน


                1.3 New Leaf® insect protected potatoes ซึ่งตัดแต่งใส่ยีนที่มีความสามารถป้องกันมันฝรั่งจากแมลงปีกแข็งชนิด Colorado potato beetle
                1.4 ถั่วเหลืองที่ต้านทานศัตรูพืช
                1.5 มะละกอที่ต้านทานโรคจุดวงแหวนที่เกิดจากไวรัส
                1.6 พืชที่ต้านทานสารฆ่าวัชพืช เช่น ถั่วเหลือง ฝ้าย ข้าวโพด และ canola ที่มี Roundup® (glyphosate) Ready gene ทำให้สามารถต้านทานสารฆ่าวัชพืชชนิด Roundup®ได้
2. กลุ่มที่พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตตัวอย่างในกลุ่มนี้ เช่น
                2.1 มะเขือเทศที่สุกงอมช้าและมีรสชาติดีขึ้น
                2.2 พืชที่มีสารอาหารบางอย่างเพิ่มขึ้น เช่น ข้าวที่มีวิตามินเอเพิ่มขึ้น (vitamin A-enhanced GM rice), ถั่วเหลืองที่มี oleic acid สูง, กระเทียมที่มี allicinสูง ซึ่งช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลลง, มันฝรั่งที่มีปริมาณแป้งและโปรตีนเพิ่มขึ้น
                2.3 ข้าวที่ลดการผลิตสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคน
                2.4 ปศุสัตว์ที่มีการถ่ายฝากยีนเร่งการเจริญเติบโตและยีนต้านทานโรคต่างๆ
                2.5 Posilac®bovingsomatotropinซึ่งช่วยให้วัวนมผลิตน้ำนมได้อย่างมีประสิทธิภาพดีขึ้นโดยไม่สูญเสียคุณภาพ
                2.6 วัวนมที่สามารถผลิตน้ำนมที่มีโครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีใกล้เคียงกับน้ำนมคน


3. กลุ่มที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม หรือกลุ่มที่ช่วยในการกำจัดสารมลพิษในสิ่งแวดล้อมตัวอย่างในกลุ่มนี้ เช่น
                3.1 พืชที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม (เช่น ต่อภาวะแห้งแล้ง ดินเค็ม หรือดินเป็นกรด) ได้ดีขึ้น
                3.2 จุลินทรีย์ที่สามารถกำจัดคราบน้ำมันได้

(นฤมล โกมลเสวิน, ,2544)
             คำจำกัดความคำว่า ดัดแปรพันธุกรรม” GMOs เป็นตัวย่อของคำว่า Genetically Modified Organisms หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่ได้จากการดัดแปรพันธุกรรมหรือตัดแต่งพันธุพรรมหรือยีน โดยใช้เทคนิคทางพันธุวิศวกรรม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ผลที่ได้ คือ สิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลงจากสายพันธุ์เดิม พืชและสัตว์ที่ได้รับการถ่ายทอดยีนเข้าไป เรียกว่า Transgenic Plant หรือ Transgenic Animal ตัวอย่างของลักษณะใหม่ที่ประกฎได้แก่ ความทนทานต่อโรคของพืชที่เกิดจากไวรัสของพืชที่เกิดจากไวรัสของพืช หรือเพิ่มความสามรถของพืชบางชนิดให้สร้างสารพิษเพื่อป้องกันแมลงศัตรูพืช หรือพืชที่มีการสุกงอมช้าเก็บไว้ได้นาน เป็นต้น โดยการเปลี่ยนแปลงลักษณะเช่นนี้อาจมีผลกระทบด้านการผลิตหรืออาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเป็นการเคลื่อนย้ายยีนจากสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งไปสู่สิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง เช่น พืช สัตว์ และจุลินทรีย์ และเมือมีการนำไปปล่อยในสิ่งแวดล้อมทำให้มีผลกระทบต่อความหลลากหลายทางชีวภาพทางชีวภาพ เพราะเป็นชนิดพันธุ์ต่างถิ่น










You Might Also Like

0 ความคิดเห็น: